คนตายสงกรานต์ 2555

หนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ พาดหัวข่าวว่า “4 วันอันตราย ตาย 210 ศพ เจ็บ 2,228 ราย” โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 15 เมษายน 2555 12:47 น.

ข่าวดังกล่าวมีเนื้อหาข่าว ดังนี้

เข้าสู่วันที่ 4 ของการรณรงค์สงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์ มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้วถึง 210 ราย บาดเจ็บอีก 2,288 ราย เมาแล้วขับสาเหตุอันดับ 1 พิจิตรยังนำยอดตายสูงสุด 9 ศพ

วันนี้ (15 เม.ย.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2555 รวบรวมสถิติทางถนน ตั้งแต่วันที่ 11-14 เม.ย.ซึ่งนับเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์สงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์

โดยเกิดอุบัติเหตุรวมทั้งสิ้น 2,134 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 210 ราย มีผู้บาดเจ็บรวม 2,288 คน สำหรับจังหวัดที่มียอดผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ พิจิตร จำนวน 9 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด คือเชียงราย และนครศรีธรรมราช จังหวัดละ 94 คน

ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือเมาแล้วขับ ขณะที่พาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดยังคงเป็นจักรยานยนต์ ซึ่งเฉพาะเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นถึง 580 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตถึง 66 คน และผู้บาดเจ็บอีก 620 คน

มีผู้มาให้ความเห็นที่น่าสนใจ ดังนี้

คุณ นางนพมาศ2012 (ความคิดเห็นที่ 7)  ประเพณีห่าอะไรตายกันยิ่งกว่าในสงคราม

คุณหมอสมอง (ความคิดเห็นที่ 9) เฉพาะรพ.ผม คนวัยทำงาน 20-30 นอนรอความตายอยู่ 3 คนแล้วครับ เพราะเมา+มอเตอร์ไซด์ สงสารพ่อแม่จริงๆ แต่เรากลับสนับสนุนให้คนญี่ปุ่นผลิตเจ้าเครื่องจักรเนื้อหุ้มเหล็กแบบนี้

คุณเปลืองน้ำ สะกดเป็นมั๊ย (ความคิดเห็นที่ 13) งานศาสนาแท้ๆ แต่ต้องเอาชีวิตสังเวยเป็นร้อยๆ ศพ กรมศาสนาต้องกลับไปทบทวนแล้วหล่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

สงกรานต์แบบนี้ พระพุทธเจ้าเคยสั่งใช้ให้ทำหรือไม่ หรือว่าชาวพุทธอุปโลกขึ้นมาเอง จึงโดนลงโทษทุกๆ ปีแบบนี้ ปีละสองสามร้อย 10 ปี สองสามพันศพ

มีด้วยหรอ งานศาสนาต้องมาสังเวยศพเป็นร้อยเป็นพันแบบนี้ ชาวพุทธต้องกลับไปทบทวนได้แล้ว

คุณ Gu เกลียดไอ้มอเตอร์ไซต์เล่นสงกรานต์ (ความคิดเห็นที่ 14) 60% วัยรุ่นคะนอง เมาแล้วขับ โดยเฉพาะพวกมอเตอร์ไซต์ 25-30% เป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ได้รับผลกระทบจากพวกแรก ที่เหลือ 10-15% เป็นอุบัติเหตุจริงๆ ที่ไม่เกี่ยวกับความคะนองและสุรา

คุณโอ้เมืองพุทธ แต่น้ำเมาขายติดอันดับโลก (ความคิดเห็นที่ 15) สงครามสงกรานต์ชัดๆ เทศกาลอะไรก็ไม่รู้ ตายยิ่งกว่าสงครามอ่าว

ไม่ต้องใช้อาวุธราคาแพงๆ ระเบิดอานุภาพทำลายล้างสูงๆ แค่เหล้า เบียร์ ขวดไม่กี่สตางค์ ก็กระชากวิญญาณผู้คนเป็นร้อยๆ ศพได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ข่าวของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ อีกข่าวหนึ่ง พาดหัวข่าวดังนี้ “เหยื่ออุบัติเหตุสงกรานต์ 4 วัน ตาย 210 เจ็บกว่า 2,000 ราย” โดย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 เมษายน 2555 12:55 น.

มีเนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ ดังนี้

ผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัย ตายเป็นศูนย์” กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 45.17 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 23.10 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จักรยานยนต์ ร้อยละ 80.58 รถปิกอัพ ร้อยละ 11.93

พบมีเด็กและเยาวชนเสียชีวิต 39 คน ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการขับขี่จักรยานยนต์ ร้อยละ 53.85

ปีนี้สถานการณ์อุบัติเหตุในกลุ่มเด็กและเยาวชนมีแนวโน้ม รุนแรงเพิ่มมากขึ้น จึงขอให้จังหวัดกำชับและประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอดส่องดูแลเด็กและเยาวชนอย่างใกล้ชิด

หากเด็กและเยาวชนกระทำความผิดจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนที่สร้างอันตราย ต่อตนเองและผู้อื่น พ่อแม่ ผู้ปกครองจะได้รับโทษตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546”

ขอให้ดูยานพาหนะที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ มอเตอร์ไซค์ร้อยละ 80.58 กับ รถปิกอัพ ร้อยละ 11.93 รวมกันเป็น 92.51

สำหรับประสบการณ์ตรงของผมที่แค่ออกไปกินข้าวเย็นตอนประมาณ 1 ทุ่มของทั้ง 3 วันดังกล่าว ผมยังเห็นรถปิกอัพที่มีคนเมาเต็มรถ ยังวิ่งไปวิ่งมา  ที่ว่าคนเมาเต็มรถนั่น  สันนิษฐานว่า คนขับก็น่าจะเมาด้วย

เรื่องนี้ ต้องโทษ “รัฐ” อย่างเดียว (ไม่ใช่รัฐบาล รัฐบาลเดี๋ยวไป เดี๋ยวมา ทุกรัฐบาลไม่เคยแก้ปัญหานี้ได้)  เพราะ อำนาจทุกอย่างอยู่ในมือของรัฐ (คำว่า “รัฐ” หมายถึงหน่วยงานราชการ + รัฐบาลในยุคนั้นๆ)

ปัญหาเกิดจากเหล้า เกิดจากมอเตอร์ไซค์ เกิดจากปิกอัพ ก็รู้อยู่ทำไม แก้ไม่ได้

รถมอเตอร์ไซค์นั้น ถนนแห้งๆ ก็ยังคว่ำตายมากมากแล้ว  สงกรานต์ถนนไม่แห้ง และคนขับเมา มันจะไม่ตายหรือ

เพื่อนผม ดื่มเบียร์กระป๋องเดียว ถูกคดี “เมาแล้วขับ”  ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์  พอมีประเพณีอะไรขึ้นมา  ทำไมไม่ใช้ “เมาแล้วขับ”

การไม่ใช้กฎหมายในกรณี “ประเพณี” ควรยกเลิกได้แล้ว 


เรื่องนี้ ไม่ใช่ประเด็น “งานศพ” ที่สามารถให้เล่นการพนันได้  เพราะ ประเด็นนั้น มีคนตายคนเดียว คือ ศพที่ตายไปแล้ว  แต่สงกรานต์นี้ คนจะตาย ยังไม่ได้ตายในขณะนั้น

บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครอง ยังจะตามใจลูกตลอดเวลา ในทุกเรื่อง แม้กระทั่ง “ให้ลูกไปตาย”  แล้วมานั่งเสียใจภายหลังอีกหลายสิบปี  เรื่องอย่างนี้ ยังจะตามใจลูกต่อไปหรือไม่..