เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

สำนักพระพุทธศาสนาฯ ใหญ่กว่าสมเด็จพระสังฆราช


ตอนนี้ ข่าวของสมีเควี่ยธัมมชโยกินพื้นที่ข่าวธรรมะของสื่อออนไลน์ไปเกือบหมด  ซึ่งเป็นการประจานความเลวของสมีเควี่ยธัมมชโยขึ้นมาเรื่อยๆ

ผมว่า หนนี้ สมีเควี่ยธัมมชโยไปไม่รอดแน่ใน 3 กรณีนี้ คือ

1- ตาย  ไม่มีใครเขาไปฆ่าสมีเควี่ยธัมมชโยให้เป็นที่เสนียดมือ เสนียดเท้าหรอก  เส้นเลือดในสมองแตกตายไปเอง  

ที่แรกคิดว่า จะตายด้วยเบาหวาน  แต่ไม่ทันกินเสียแล้ว  เอาเส้นเลือดในสมองแตกตายดีกว่า ให้มันเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอยู่สักช่วงเวลาหนึ่ง  ก่อนที่จะไปเข้าเซฟ

2- หนีออกนอกประเทศ  หนนี้การจับสึกคงทำได้ ไม่ใช่จากลิขิตพระสังฆราชก็ได้  คดีเก่า คดีใหม่ยังมีประเด็นให้จับสึกอีกเยอะ

ตอนนี้ สาวกควายๆ ของสมีเควี่ยธัมมชโยก็หลงประเด็นที่แก้ตัวเฉพาะเรื่องเก่า แต่เรื่องใหม่ เช่น รับเงินศุภชัยที่โกงมาจากสหกรณ์ฯ คอลงจั่นนั้น  ถ้าถือว่าเป็นการฟอกเงิน ก็ต้องติดคุก  เมื่อติดคุกก็ต้องจับสึกกันก่อน

3- เมื่อรอดสองกรณีแรกมาได้ ก็ต้องถูกจับสึก  แล้วคดีก็ตามมาเป็นหาง ความชั่ว ความเลวก็จะออกมาอีกมากมาย

ทั้ง 3 กรณีนั้น มีโอกาสเป็นไปได้สูง  คือ เมื่อก่อนมัน 2 พวกคือ พวกรักสมีเควี่ยธัมมชโย กับ พวกเกลียดสมีเควี่ยธัมมชโย ที่ออกมารณรงค์ต่อสู้กัน 

แต่หนนี้ พวก “ไทยเฉย” ทั้งหลาย  ถูกธุดงค์ขอทานทำความรำคาญให้มาก จึงอยู่เฉยไม่ได้ เข้ามาร่วมมือกับพวกเกลียดสมีเควี่ยธัมมชโย 

แล้วรัฐบาล กับ คสช. ก็รู้ดีว่า สมีเควี่ยธัมมชโยสนับสนุนเสื้อแดงกับทักษิณ คราวนี้คงไปไม่รอดแน่ๆ

แน่ไม่แน่  อาจจะมี sniper ส่องกบาลพระให้ดูกันก็ได้ 

ขอบอกก่อนว่า เป็นฝีมือของ “มือที่สาม” นะครับ  เพื่อต้องการปลุกกระแสความบ้าของสาวกสมีเควี่ยธัมมชโย  ไม่ใช่เป็นฝีมือของฝ่ายรัฐบาล

กลับมาเข้าเรื่อง

มีข่าวออกมาดังนี้

สมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) บอกว่า หลังจากตรวจสอบเอกสารตามมติมหาเถรสมาคมเมื่อปี พ.ศ.2542 ตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

พบว่าขณะนั้นอยู่ในความดูแลของกรมการศาสนา ดังนั้นการจะหยิบยกพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ ขึ้นมาอีกครั้ง ต้องเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม

ส่วนประเด็นให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายปาราชิกตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ ระบุชัดเจนว่า

หากพระธัมมชโยไม่คืนทรัพย์สินและที่ดินให้กับวัดพระธรรมกาย ซึ่งถือว่ามีความผิดชัดแจ้ง จึงให้ถือว่าเป็นปาราชิก

แต่เนื่องจากการตรวจสอบพบว่า พระธัมมชโยได้คืนทรัพย์สินและที่ดินกว่า 900 ล้านบาทให้กับวัดพระธรรมกาย

ดังนั้น มติ มส.ในขณะนั้นจึงไม่ได้ให้ปาราชิก และยังสามารถเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ แต่เมื่อมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ทาง พศ.จะเสนอวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ.2558)

โดยอาจมีการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการ ที่ประกอบด้วยพระผู้ใหญ่ และฆารวาสที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อร่วมกันตีความพระลิขิตอีกครั้ง

ฟังข่าวนี้แล้ว  ผมก็ไม่รู้ว่า จะมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไว้ทำไม  ยุบไปให้หมดเสียดีกว่า

สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ไม่ได้มีอำนาจเหนือเถรสมาคม และไม่ได้อำนาจเหนือสมเด็จพระสังฆราช  สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เสนอข่าวแบบนี้ไม่ได้เลย

สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ทำหน้าที่คล้ายๆ กับบริการให้กับพระพุทธศาสนา เท่านั้น ในเมื่อสมเด็จพระสังฆราชบอกว่า “ปราชิก”  สมีเควี่ยธัมมชโยก็ต้องปราชิก

อีกประเด็นหนึ่งก็คือ สมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิตออกมา 5 ฉบับ ไม่ใช่ฉบับเดียว สมชาย สุรชาตรี พูดราวกับว่า มีพระลิขิตฉบับเดียว

ผมว่า สมชาย สุรชาตรี คงโดนย้ายแน่ๆ บิดเบือนประเด็นออกสื่อถึงอย่างนี้ ไม่รอดแน่ๆ

ในแง่ที่เราเป็นคนเคยบวช กรณีของสมีเควี่ยธัมมชโยมันปราชิกไปตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะ การโกงเงินวัดเป็นร้อยๆ ล้านนั้น  มันปราชิกแล้ว

ถึงเอาเงินมาคืน มันก็ปราชิก

อย่างไรก็ดี  ผมเขียนบทความไปแล้วหลายบทความว่า  คราวนี้ สมีเควี่ยธัมมชโยคงโดนจับสึกแน่ๆ ถึงไม่ใช่คดีโกงเงินวัด  ยังมีคดีอื่นๆ อีกมากมาย เดี๋ยวก็คงมีการขุดคุ้ยขึ้นมา

การศึกษาของอนุกรรมการสภาผู้แทนราษฎรสมัยอดีตนายกฯ เปรม นั่นก็ว่า “มีเมียประมาณ 7 คน”  เอาเงินไปเล่นแชร์ชะม้อย ฯลฯ


อาจจะเป็นไปได้ ไม่ทันจะได้จับสึกเลย  มันสมองแตกตายไปซะก่อนแล้ว  ตอนนี้ก็คงอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว  




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น