เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พีท ทองเจือ พลังจิตรักษาโรค




หนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ หน้าแรกบันเทิง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 ตุลาคม พาดหัวข่าวว่า “มหัศจรรย์ พีท ทองเจือ ขับรถจนเกิดสมาธิ พัฒนาเป็นพลังจิตรักษาโรค

เนื้อหาของข่าวและคำวิพากษ์วิจารณ์ มีดังนี้

 จริงๆ ผมทำมาหลายปีแล้ว สิ่งที่ผมทำอยู่เขาเรียกกันว่าเป็นแพทย์แผนอนาคต โดยวิธีใช้สภาวะจิตไปรักษาโรคต่างๆ

ประเด็นนี้มีองค์ประกอบหลายอย่าง คือ โกหก, หลงตัวเอง, ไม่รู้ ฯลฯ  เรื่องนี้ไม่ใช้แพทย์แผนอนาคต  แผนอดีต แผนโบราณใดๆ ทั้งสิ้น 

เรื่องแพทย์ไม่ว่าจะเป็นแผนไหน ก็ต้องให้คนวงการเขามาเรียบเรียงจัดประเภท ไม่ใช่ “ดารา” หรือ “นักขับรถแข่ง”

ผมเป็นคนที่ใช้ชีวิตปล่อยวางและไม่ยึดติดกับภาวะใดๆ เราก็เริ่มเห็นหนทางที่มันสะอาดสดใสและบริสุทธิ์ในการดำรงชีวิต พอคุณวาง ไม่ยึดติด และเช็คความว่างได้ แล้วถ้าคุณเป็นคนที่ถูกเลือกแล้วก็อาจจะทำอย่างที่ผมทำ ก็คือลักษณะแพทย์แผนอนาคตนี้ได้”

อันนี้ก็โกหก ยิ่งถ้าว่ามีคำว่า “คุณเป็นคนที่ถูกเลือกแล้วก็อาจจะทำอย่างที่ผมทำ” แบบนี้  มารเลือกให้แน่ๆ ไม่ใช่พระเลือก

ผมเจอสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ตอนผมขับรถแข่ง คือแข่งยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่ ทุกอย่างในตัวเรามันเหมือนยิ่งช้าลง เงียบและสงบ แต่สิ่งที่เห็นก็คือเริ่มเห็นภาพมือกับขาเริ่มทำงานเอง ภาพมันก็เริ่มชัด เริ่มจะเห็น

ผมก็เริ่มถอยมาแล้วก็เห็นเป็นภาพตัวเองกำลังขับ (เหมือนการถอดจิตใช่ไหม?) ครับก็คือลักษณะนั้น เขาจะเรียกว่าซ้อนขันธ์ เหมือนคนที่ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเยอะๆ เขาจะเห็นร่างตัวเองนั่ง แล้วก็เขาก็จะเห็นลูกแก้วอะไรประมาณนั้น

อ้าว...พาดพิงวิชาธรรมกาย  อันนี้ก็โกหกครับ  ถ้าเป็นจริง  พีท ทองเจือตาย “ห่า” ไปแล้ว  ถ้าว่าแข่งไปแล้ว และมาคิดกลับไปถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ก็น่าจะเป็นไปได้

วิธีการก็คือเราก็จะใช้ร่างเราเนี่ยเป็นตัวกลางที่ผ่านพลังงานที่ดีมาจากร่างกายเรา แล้วก็ออกไปหาผู้ป่วย พอทำเสร็จ ก็ให้ปล่อยวางไป

แล้วเดี๋ยวข้างบนเขาจะส่งทุกๆ อย่างลงมาช่วย ข้างบนที่ผมหมายถึง ผมว่าน่าจะเป็นพลังงานบางอย่าง

ตรงนี้แหละ ฉิบหายเลย  เมื่อมี “ข้างบน” มาเกี่ยวข้องแล้วละก้อ ฉิบหายแน่ๆ 

พีท ทองเจือก็หลอกคนอื่นๆ เหมือนพวกตระกูลนี้ทั่วๆ  คือ อยู่ดีๆ ก็มีพลัง “ห่า” อะไรก็ไม่รู้มาเลือกผม  แล้วผีห่าซาตานที่อยู่เบื้องหลัง ก็มาช่วยอย่างโน้น อย่างนี้ ทำนองนั้น

เมื่อก่อนนี้เขาจะเรียกว่าพลังงานจักรวาล เคยได้ยินไหมที่เขารักษาคน นั่นแหละคือลักษณะเดียวกัน แล้วก็แค่เพ่งสมมติว่าเจ็บข้อมือ ผมก็จะเพ่งไปที่ข้อมือ ส่วนมากที่เจอเขาก็จะร้อนวูบ ชา จากนั้นอาการก็จะดีขึ้น

แล้วตอนที่ทำผมจะไม่คิดในลักษณะว่าจงให้เขาหายเจ็บ เพราะถ้าพยายามแล้วมันจะทำไม่ได้ มันจะไม่มีเอฟเฟกต์ เราแค่ทำใจให้สงบ เวลาที่ใจสงบ ถ้าเป็นตัวผม จิตมันก็จะแยกออกมาจากตัวของเราเอง แล้วเขาก็จะทำงานเอง”

ถ้าลงเรียกว่า “พลังงานจักรวาล” หรืออะไรทำนองนี้ ชัดเจนครับ  ถ้ามีจริงก็พลังมาร

ไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่คล้ายๆ เป็นพลังงานจักรวาล สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่ได้เข้าใจและพิสูจน์เองมันก็จะค่อนข้างเข้าใจยาก ผมไม่มีองค์ ไม่ได้เล่นของ พระก็ไม่ห้อย ไม่ได้มีกุมารทอง หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้นจริงๆ

ตรงนี้ พีท ทองเจือก็พัฒนาการหลอกลวงมนุษย์ไปอีกแบบหนึ่ง  คือ แบบมีองค์ แบบฤาษีคงจะล้าสมัยไปแล้ว คนไม่ค่อยเชื่อแล้ว

หลอกสมัยนี้ ต้องอิงวิทยาศาสตร์กันหน่อย

รักษาได้หมดทุกอย่างครับ ทุกชนิด แต่ว่าคือพื้นฐานของลักษณะของผู้ที่ถูกเรารักษาเนี่ย เค้าก็จะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเราระดับนึงด้วย

พอดีไม่ได้ติดตามแบบเจาะลึก แบบไม่รักษาประชาชนด้วยตัวเอง จึงขอวิเคราะห์ในทาง “ทฤษฎี” คือ ถ้าคนไข้หายจริง ก็ด้วยความเชื่อที่ว่า “เขาจะหาย 

ความเชื่อของคนไข้ดังกล่าวนั่นแหละ ที่รักษาคนไข้เอง ไม่ใช่อะไรบางอย่างของพีท ทองเจือ

ประเด็นนี้ก็คล้ายๆ กับการไปหานายแพทย์ปีศาจ หรือหมอผี  หมอดู หมอเดาอะไรทั้งหลาย รวมถึงการรดน้ำมนต์ด้วย 

การที่โรคหายไปนั้น เพราะ ความเชื่อมั่นว่า ตนเองจะหายจากโรคของตัวพวกคนไข้เองนั่นแหละ ไม่ใช่ความศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่มบรรดานายแพทย์ปีศาจเหล่านั้น

ผมโดนลองวิชาหลายทีเหมือนกัน อย่างเคสนึงน่าจะปลายปีที่แล้ว เป็นรอง ศ.ดร.จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ท่านก็เป็นผู้หญิง ท่านก็บอกว่ามารักษาให้ฉันหน่อย ท่านก็บอกว่าฉันไม่บอกเธอนะว่าฉันเป็นอะไร ก็คืออยากจะรู้ว่าผมจะทำอะไร

แล้วผมก็ไปนั่งแล้ว ก็นึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เราเคารพนับถือแล้วก็ สิ่งที่ช่วยเราทั้งแบบที่เรามองเห็นและมองไม่เห็น ก็คือขอพลังงาน

แล้วก็แค่หลับตาแล้วก็เพ่งเล็งไปที่ตัวท่าน ก็รู้ว่าเหมือนแถวข้างบนร่างกายทำงานติดๆ ขัดๆ ผมก็ใช้วิธีสแกนก่อน สิ่งที่ได้ยินนี่ไม่ได้มีคนพูด แต่มันมีความรู้สึกขึ้นมาว่า หัวใจ

ผมก็เลยบอกว่า หัวใจครับ เค้าก็ตกใจ บอกว่าป้าผ่าหัวใจมา 3 รอบแล้ว แล้วมันก็ยังทำงานไม่ค่อยแข็งแรง ตอนนี้ก็ร่างกายจะอ่อนเพลียเร็วแล้วก็ไม่มีแรง

ผมก็แค่เพ่งอีกทีนึงแล้วก็บอกว่าระบบต่างๆ ที่มันทำงานไม่สัมพันธ์กัน ก็อยู่ในร่างเดียวกันทำงานร่วมกันดีกว่า อย่าแยกกันทำงาน เพราะว่าเจ้าของร่างเขาอยู่ค่อนข้างยาก ก็คิดลักษณะเชิงบวกแบบนี้แหละ เสร็จแล้วแกก็สูดลมหายใจลึกๆ ก็โล่ง ก็ดีขึ้น”

ทีนี้เรียก “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย” เหมือนกัน

โดยสรุป  รายการแหกตาประชาชนอีกรายการหนึ่งเท่านั้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น