เหตุการณ์บ้านเมือง: พ.ร.บ. นิรโทษกรรม

อริสโตเติล นักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์ยุคโบราณของกรีก กล่าวไว้ว่า “มนุษย์เป็นสัตว์การเมืองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว” ผมเองเรียนปริญญาเอกสหวิทยาการ ทำวิจัยเกี่ยวกับการเมือง

ก็สนใจการเมืองมาโดยตลอด แต่ก็สนใจในลักษณะของนักวิชาการ ไม่เคยไปร่วมประท้วงกับใครที่ไหน

ประกอบกับความสนใจหลักอยู่ที่ศาสนา เรื่องการเมืองก็ถือเป็นเรื่องรอง จึงให้ความสนใจแบบห่างๆ ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง

ตอนผมทำปริญญาเอกนั้น ผมอ่านหนังสือ ศึกษาเกี่ยวกับการเมืองประมาณ 6 ปีเต็มๆ พอเรียนจบ ไม่เคยไปจับหนังสือเกี่ยวกับรัฐศาสตร์มาอ่านอีกเลย

อ่านบ้างก็เป็นหนังสือเกี่ยวกับปรัชญา คือ ปรัชญาโดยตรงกับปรัชญาการเมือง

บอกตรงๆ เอียนสุดๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง แต่ในตอนนี้ข่าวที่ครอบครองสื่อทั้งหมดคือ ข่าว “พ.ร.บ. นิรโทษกรรม” มันก็ต้องหันมาสนใจกันบ้าง

ขออธิบายคร่าวดังนี้ “พ.ร.บ. นิรโทษกรรม” นี้ เมื่อเริ่มแรกเข้าสภา มีวัตถุประสงค์เพื่อจะนิรโทษกรรมบรรดาประชาชนที่เข้าไปร่วมชุนนุมประท้วงรัฐบาล เพราะ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหลายฉบับ

ตรงนี้คนส่วนใหญ่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ รวมถึงสื่อสารมวลชนทั้งหลาย เพราะประชาชนเป็นเครื่องมือของผู้นำกลุ่มต่างๆ

แต่เมื่อเข้าสภาไปแล้ว มีการแทรกเรื่องโดนการสอดไส้เข้าไป ให้ผู้นำรัฐบาลที่ออกคำสั่งกระชับพื้นที่ หรืออะไรก็ตาม แล้วมีคนตายเกิดขึ้นให้พ้นผิดไปด้วย

พูดง่ายๆ ว่า นิรโทษกรรมคนสั่งไปด้วย ซึ่งจะทำให้ คุณทักษิณ ชินวัตร คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ พ้นผิดไปด้วย

สองคนหลังนี่ เพิ่งถูกฟ้อง แต่คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษกำลังหนีคดีอาญาอยู่

สาเหตุที่ประชาชนออกมาประท้วงกันหลายพวกหลายกลุ่มแหลือเกิน ก็เป็นเพราะว่า มีการปล่อยข่าวออกมาว่า ถ้า “พ.ร.บ. นิรโทษกรรม” ผ่านสภาและประกาศใช้แล้ว

คุณทักษิณ ชินวัตรจะพ้นผิดทุกคดี และจะได้รับเงิน 46,000 ล้านบาทคืนด้วย ดีไม่ดีรัฐบาลต้องเสียดอกเบี้ยให้คุณทักษิณ อีกด้วย

เท่านั้น ไทยเฉยกลุ่มต่างๆ ก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว ออกมาประท้วงไม่รู้ว่ากี่กลุ่มต่อกี่กลุ่ม ประท้วงกันแบบนี้ ตำรวจเอาไม่อยู่แน่ เพราะ เป็นดาวกระจายกันไปหมด

นอกจากประท้วง “พ.ร.บ. นิรโทษกรรม” ยังมีม็อบยาง ม็อบข้าวโพด ม็อบข้าว ประท้วงตามต่างจังหวัดอยู่อีก

และถ้าเมื่อไหร่รัฐบาลดูเพลี่ยงพล้ำไปมากกว่านี้ ม็อบจะออกมาอีกเยอะ เพราะ รัฐบาลจะยอมทั้งหมด เพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้

กลุ่มที่ประท้วงหนนี้ มีอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเกือบทั่วประเทศมาร่วมประท้วงด้วย เห็นประกาศออกมาว่า อาจจะมีการมาร่วมชุมนุมด้วยก็ได้

ถ้าถามผมว่า ทำไมหนนี้อาจารย์มหาวิทยาลัยต้องออกมาเป็นเดือดเป็นร้อนด้วย ขออธิบายในทางรัฐศาสตร์อย่างนี้

อำนาจอธิปไตยที่ใช้ปกครองประเทศมี 3 อำนาจที่แยกจากกันโดยเด็ดขาด (ในทางทฤษฎี) คือ

1) ฝ่ายนิติบัญญัติ หน่วยงานที่ใช้อำนาจ คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

2) ฝ่ายบริหาร หน่วยงานที่ใช้อำนาจ คือ รัฐบาลและคณะรัฐมนตรี

3) ฝ่ายตุลาการ หน่วยงานที่ใช้อำนาจ คือ หน่วยงานศาลและกระทรวงยุติธรรม

ประเทศของเราตอนนี้ อำนาจฝ่ายบริหารเข็มแข็งมาก สามารถครอบงำอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติได้

การออก “พ.ร.บ. นิรโทษกรรม” ฉบับนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติเข้าไปก้าวล่วงอำนาจของฝ่ายตุลาการ โดยการชักนำของฝ่ายบริหาร

เรื่องมันถึงยุ่งขึ้นมา คือ ศาลตัดสินว่า คุณทักษิณ ชินวัตรผิดกฎหมายไปแล้ว คุณทักษิณไม่ยอมติดคุก ก็หนีไปอยู่ต่างประเทศ

อยู่ดีๆ ฝ่ายนิติบัญญัติจะไปออกกฎหมายที่แย้งกับคำพิพากษาของศาลว่า คุณทักษิณไม่ผิด เอาเงินไปคืนเข้าด้วย

อาจารย์ทั้งหลายก็อยู่ไม่ได้ ถ้า “พ.ร.บ. นิรโทษกรรม” ฉบับนี้ ประกาศใช้ได้ คณะนิติศาสตร์ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องยุบไปเลย เพราะ ไม่รู้จะเรียนไปทำไม

เรื่องนี้ ทางฝ่ายคุณทักษิณคาดการณ์ผิดอย่างหนัก และอาจจะเป็นจุดที่ถึงกับทำให้พรรคเพื่อไทยหมดอนาคตทางการเมืองไปเลย เพราะขนาดเสื้อแดงซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ก็ยังออกมาประท้วงด้วย

ในความคิดของผม คงเป็นยุคสุดท้ายของคุณทักษิณและพรรคพวกแล้ว นี่วิเคราะห์กันตามประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย ไม่เคยมีกลุ่มไหนครองอำนาจได้ยาวนาน

ตั้งแต่ผมเกิดมาก็มียุค พล.อ. สฤษดิ์ ธนะรัชต์ พล.อ. ถนอม กิตติขจร พล. อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ หรือแม้ทั่ง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์เองก็ตาม ต่างก็มียุคของท่านและก็หมดยุคของท่าน

เมื่อหมดยุคไปแล้วนั่นแหละ จะอยู่กันอย่างไร

สำหรับการประท้วงต่าง ๆ นั้น ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะ เป็นการแสดงความมีส่วนร่วมในทางการเมือง ให้รัฐบาลรู้ว่า พวกเขาเหล่านั้นคิดอย่างไร

แต่ก็ไม่ควรทำให้ประชาชนคนอื่นเดือดร้อน เหมือนสมัยผมเป็นเด็ก ประท้วงทีไร ตัดน้ำตัดไฟประชาชนทุกที

นอกจากนั้นแล้ว ผมก็ยังจะบอกว่า “กรรม” นั้นมันมีจริงๆ ใครทำกรรมชั่ว ต้องได้รับผลชั่วอย่างแน่นอน

และกรรมที่ทำความชั่วกับประเทศไทยนั้น หนักหนาสาหัสเป็นอย่างยิ่ง เพราะ ประเทศเราเป็นประเทศที่อุ้มชูศาสนาพุทธอยู่

สำหรับคนชั่วที่ดูเหมือนว่า กรรมชั่วไม่ได้ส่งผลเลยนั้น เป็นเพราะว่า คนเหล่านั้น เขาก็เคยทำกรรมดีมาก่อน

ตอนนี้กรรมดีส่งผลให้เขา มันก็จึงเป็นอย่างนี้ คือ ดูเหมือนราวกับว่า คนทำชั่วได้ดี คนทำดีได้ชั่ว ทำนองนั้น

แต่ผมยืนยันว่า คนที่ทำกรรมชั่วกับบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้นั้น ต้องได้รับผลกรรมชั่วอย่างหนักหนาสาหัสอย่างแน่นอน

เพราะ ขณะที่กรรมดีกำลังส่งผล บุคคลเหล่านี้ไม่ทำกรรมดีเพิ่มเติม แต่กลับเลือกทำความชั่ว มันเป็นทั้งความโง่และกรรมของเขาเอง ที่จะต้องไปรับผลของกรรมหนักมาก

ดังนั้น ประท้วงก็ไปประท้วงกัน แต่ทำใจให้เป็นอุเบกขาไว้ก่อน

เราไม่เห็นด้วย เราก็ไปประท้วง แต่ผลมันจะออกมาอย่างไร ก็คิดว่า เราทำได้ดีที่สุดแล้ว ผมรับรองว่า ประเทศไทยไม่ล่มจ่มอย่างแน่นอน และพวกคนเลวทั้งหลาย มันก็จะทยอยตายกันไปเรื่อยๆ

ไม่ควรเป็นว่า เมื่อไปประท้วงไปแล้ว ไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ ก็เกิดเป็นทุกข์ขึ้น ไม่ควรเป็นอย่างนั้น เมื่อเราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่แล้ว ผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ

ยังขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ประเทศไทยของเราจะเจริญขึ้นเรื่อยๆ คนชั่วที่ทำร้ายประเทศไทย จะหมดฤทธิ์ และตายไป

คนดีๆ จะเริ่มออกมาช่วยเหลือประเทศกันมากขึ้น

บทความที่ควรอ่าน

2557 แม้วดวงมรณะ

http://thaihappening.blogspot.com/2014/01/2557.html

โลกธรรม 8 กับการเมืองไทย

http://thaihappening.blogspot.com/2014/05/8.html

นายกยิ่งลักษณ์กับปาฐกถา

http://thaihappening.blogspot.com/2012/09/blog-post.html

ทำราวกับว่า “จะไม่ตาย”

http://thaihappening.blogspot.com/2012/05/blog-post.html

ยงยุทธกับกรรมหนักหนาสาหัส