“กรรม” ที่คุณทักษิณไม่เชื่อ

พ.ต.ท. ทักษิณ  อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย มีนิสัยที่ประหลาดอย่างหนึ่งในหลายๆ เรื่องของท่าน  คือ “เชื่อหมอดู” แต่ไม่เชื่อเรื่องระบบกรรมของศาสนาพุทธ

การที่ท่านไปพาพระผู้ใหญ่ พระกำนันที่มีชื่อเสียงนั้น ไม่ได้ไปหาไปพบอย่างคนปฏิบัติธรรม แต่ไปหาไปพบแบบหมอดู  คือ ไปหาโชคลาภ ไม่ได้ไปเพื่อกำจัดกิเลส

นอกจากจะเชื่อหมอดูแล้ว  พ.ต.ท. ทักษิณยังเชื่อในเรื่อง “การสะเดาะเคราะห์” เพื่อให้หมดเคราะห์หมดโศกอีกด้วย

เมื่อมีความเชื่อในการทำนายทายทักของหมอดู  คือ ศรัทธาหมอดู ซึ่งคำทำนายนั้น บางทีก็ถูก บางทีก็ผิด  กล่าวได้ว่า  ผลการทำลายของหมอดูนั้น มีความ “แม่นยำ” อยู่บ้างเหมือนกัน

สิ่งที่เชื่อตามมาก็คือ ก็ต้องเชื่อว่า “หมอดูสามารถสะเดาะเคราะห์” ได้

ความเชื่อว่า “หมอดูสามารถสะเดาะเคราะห์” นั้น ไม่เป็นความจริง เป็นไปไม่ได้  การสะเดาะเคราะห์เป็นเครื่องมือหากินของพวกหมอดูหมอเดาทั้งนั้น

“เคราะห์ร้าย” ของคนเราก็คือ “ผลของกรรมชั่ว” 

เมื่อเราทำกรรมชั่วมาแต่ในอดีต ในขณะที่ผลของกรรมชั่วกำลังส่งผล  ไม่ว่าจะเป็นใครมีบารมีมากกมายขนาดไหน ก็ไม่มีทางทำให้เคราะห์ร้ายนั้นหมดลงไปได้ ไม่ว่าจะกรรมวิธีสะเดาะเคราะห์อย่างวิจิตรพิสดารอย่างไรก็ตาม 

การที่คนมีเคราะห์ ไปหาหมอดู หมอเดาทั่วประเทศ  รดน้ำมนต์จนเกือบจะเป็นโรคปอดบวม  และเคราะห์กรรรมหายไปนั้น  ไม่ใช่เกิดจากหมอดู หมอเดา หรือการรดน้ำมนต์ ฯลฯ

แต่เกิดจากผลของกรรมชั่วลงผลหมดแล้ว  และผลของกรรมดีที่เราทำไว้เริ่มส่งผล 

พูดง่ายๆ ว่า  ใครก็ตามเมื่อถึงคราวเคราะห์หามยามร้าย  เก็บเนื้อเก็บตัวเงียบๆ  ไม่ต้องไปสะเดาะเคราะห์ที่ไหน เคราะห์ร้ายของจะหมดไปเอง  ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองให้เปล่าประโยชน์

ถ้าจะให้ดี เมื่อมีเคราะห์ก็ควรไปปฏิบัติธรรม  จะทำให้เคราะห์กรรมหมดเร็วยิ่งขึ้น เพราะการปฏิบัติธรรมเป็นการสร้างกรรมดีอย่างยิ่งยวด  กรรมดีก็จะส่งผลเร็วขึ้น

กลับมาถึงหลักฐานที่ว่า คุณทักษิณเชื่อเรื่องหมอดู

คุณติติน้องสาวของหมอดูอีที ชาวพม่าได้พูดกับผู้สื่อข่าวของไทยไว้ เมื่อคราวมาเมืองไทยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า

พ.ต.ท. ทักษิณเคยไปหาหมอดูอีที ก่อนที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และไปอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะถูกรัฐประหารในปี 2549

หมอดูที่โด่งดังมากเกี่ยวกับ พ.ต.ท. ทักษิณก็คือ คุณเก่งกาจ จงใจพระ ตอนผมเป็นเด็กๆ คุณเก่งกาจ จงใจพระเป็นเจ้าของวงดนตรี และเป็นนักสร้างหนัง  ท่านใช้ชื่อ “ศรีไพร  ใจพระ”

จำได้ว่า ภรรยาของท่านชื่อบุบผา  สายชล  ร้องเพลง “ยมบาลเจ้าขา” โด่งดังมาก

คุณเก่งกาจ จงใจพระเคยทำนายว่า พ.ต.ท. ทักษิณดวงจะตก  พ.ต.ท. ทักษิณประกาศออกสื่อว่า “ไม่เชื่อ”  แต่ผมว่า พ.ต.ท. ทักษิณเชื่อ และพยายามหาทางแก้ไขแบบเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้

แต่อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า “ระบบกรรม” นั้น  มีอำนาจสูงสุด ใครก็ต้านทานระบบกรรมไม่ได้  ดังนั้น  ตั้งแต่คุณเก่งกาจ จงใจพระทำนายไว้  ดวงของ พ.ต.ท. ทักษิณก็ตกมาตลอด จนกระทั่งทุกวันนี้

ต่อมาถึงหลักฐานที่ว่า คุณทักษิณไม่เชื่อเรื่องกรรม

พ.ต.ท. ทักษิณได้รับการตักเตือนจากพระหลายรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงตามหาบัว ได้เคยทำนายอนาคตของทักษิณตั้งแต่ปี 2548 เอาไว้ 3 ข้อ คือ

• 1.  จะไม่มีแผ่นดินจะอยู่
• 2.  ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ก็จะค่อยๆหมดลงไป
• 3.  แม้แต่ชีวิตก็จะรักษาเอาไว้ไม่ได้ 

พ.ต.ท. ทักษิณไม่เคยเชื่อเรื่องกรรมต่างๆ เหล่านั้น  พยายามทำทุกอย่างเพื่อ “ฝืน” กรรมของตัวเอง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้

การที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่เชื่อเรื่องกรรม และพยายามต่อสู้กรรม โดยเห็นว่า ท่านมีอำนาจในด้านเงินตรา และยศศักดิ์  จึงทำให้เกิดการต่อต้านจากประชนชนชาวไทยอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

เมื่อประชาชนคนไทยออกมาแสดงพลังความเกลียดชัง พ.ต.ท. ทักษิณและคนใกล้ชิดกันมากมายขนาดนี้   ครอบครัวของ พ.ต.ท. ทักษิณก็กำลังตกนรกทั้งเป็น

ความไม่เชื่อเรื่อง “กรรม” ของพ.ต.ท. ทักษิณ ส่งผลต่อครอบครัวของ พ.ต.ท. ทักษิณเข้าไปด้วย

ท่านผู้อ่าน อาจจะสงสัยว่า ผมวิเคราะห์ผิดหรือเปล่า  พ.ต.ท. ทักษิณ และครอบครัวมีเงินจนล้นฟ้าล้นแผ่นดินจะไม่มีความสุขไปได้อย่างไร

ผมขอยกตัวอย่างประกอบดังนี้  (เรื่องนี้ ศ.ดร. สมบัติ จันทรวงศ์เล่าและสอนผมมา)

เรื่องนี้เกี่ยวกับโจร  อาจารย์สมบัติท่านเล่าว่า โจรนั้น มันไม่ได้เป็นโจรตลอดไป มันเป็นโจรช่วงไปหาเงินเท่านั้น  แต่เวลาจ่ายเงิน มันก็จ่ายตามปกติของคนทั่วไป

ผมได้ยินแรกๆ ผมก็งงๆ เหมือนกัน 

อาจารย์ก็ย้ำอีกว่า  ก็สังเกตดูว่า พวกโจรทั้งหลาย เวลาเขาไปซื้อเสื้อผ้า ซื้ออาหาร เขาก็ซื้อเช่นคนปกติทั่วไป เขาไม่ปล้นอาหาร  ไม่ปล้นเสื้อผ้า  ไม่เอาปืนไปจี้หัวครูให้รับลูกเข้าเรียน ฯลฯ

ผมจึงถึงบางอ้อ และเข้าใจว่า  โจร เขาใช้วิชาชีพโจรตอนไปหารายได้เท่านั้น  ตอนจ่ายเงินเขาก็จ่ายเช่นคนธรรมดา  

ถ้าปล้นตลอดรายการ ตั้งแต่หาเงิน จ่ายเงิน เขาก็ไม่เรียกโจรแล้ว  น่าจะเป็นคนบ้ามากกว่า

กลับมาถึงประเด็นของนักการเมืองและครอบครัว 

นักการเมืองและครอบครัวนั้น  โดยเฉพาะครอบครัวของ พ.ต.ท. ทักษิณนั้น ต้องการความยอมรับของสังคมมากที่สุด  เรื่องเงินนั้นเป็นเรื่องรองลงมา  เพราะ ท่านมีมากมายมหาศาลอยู่แล้ว

คือ มีเพิ่มก็ดี  ไม่มีเพิ่มก็ไม่เป็นไร  แต่ความยอมรับของสังคมนั้น ท่านต้องการมาก

เมื่อสังคมกรุงเทพฯ ไม่ยอมรับ และออกมาต่อต้านกันมากมายมหาศาลอย่างนี้  จะเอาความสุขมาจากไหน

• จะไปเดินเล่นตามศูนย์การค้า จะกล้าไปหรือไม่
• จะไปทานอาหารตามภัตตาคารต่างๆ จะกล้าไปหรือไม่
• จะกล้าออกมาให้สังคม “เห็น” ในที่ต่างๆ  จะกล้าออกมาหรือไม่
• ฯลฯ 

ตอนนี้ก็มีข่าวออกมาว่า ลูกสาวของคุณทักษิณถูกเป่านกหวีดไล่ และถูกนักศึกษาไทยโห่ไล่ที่อังกฤษ  

มีการปฏิเสธข่าวว่าไม่จริง แต่เมื่อมีข่าวออกมาแล้ว เหตุการณ์แบบนี้ ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ

นี่แหละความทุกข์ที่แท้จริง  นี่แหละคือกรรมที่แท้จริง  แล้วไม่รู้ว่า กรรมเหล่านี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่

บางคนอาจจะเถียงว่า  พวกเขามีเงิน เขาไปอยู่ต่างประเทศก็ได้

ประเด็นนี้ ผมเถียงแบบเอาหัวชนฝาเลย   ถ้าไปอยู่ต่างประเทศแล้วมันมีความสุข  พ.ต.ท. ทักษิณจะหาทางกลับประเทศอย่างเท่ห์ๆ ทำไม

เพราะ การอยากกลับประเทศอย่างสง่างามแบบเท่ห์ๆ จนเกิดกรณี พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแบบสุดซอยนี่แหละ ถึงทำให้เรื่องไปกันใหญ่โตจนถึงทุกวันนี้

บทความที่ควรอ่าน

2557 แม้วดวงมรณะ

http://thaihappening.blogspot.com/2014/01/2557.html

โลกธรรม 8 กับการเมืองไทย

http://thaihappening.blogspot.com/2014/05/8.html

นายกยิ่งลักษณ์กับปาฐกถา

http://thaihappening.blogspot.com/2012/09/blog-post.html

ทำราวกับว่า “จะไม่ตาย”

http://thaihappening.blogspot.com/2012/05/blog-post.html

ยงยุทธกับกรรมหนักหนาสาหัส

http://thaihappening.blogspot.com/2012/09/blog-post_28.html

รัฐบาลอัปรีย์จังไร ฆ่าแม้กระทั่งเด็ก

http://thaihappening.blogspot.com/2014/04/blog-post.html

กรรมที่คุณทักษิณไม่เชื่อ

http://thaihappening.blogspot.com/2013/12/blog-post.html

คุณทักษิณกับการตัดกรรมที่พม่า

http://thaihappening.blogspot.com/2014/03/blog-post.html

ทักษิณสมคบธรรมกาย

http://thaihappening.blogspot.com/2014/03/blog-post_7.html